ปัจจัยการจัดอันดับของ Google
ปัจจัยการจัดอันดับของ Google มีความสำคัญต่อธุรกิจและบริการ แบบที่มีเว็บไซต์ ซึ่งส่วนมาก การที่มีเว็บไซต์มักจะต้องการให้เว็บไซต์ ติดอันดับต้น ๆ บนผลค้นหาของ Google นอกเหนือจากการทำ SEO ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการค้นและจัดอันดับอีกด้วย
ปัจจัยด้านโดเมน
-อายุโดเมนไม่มีผลต่ออันดับเว็บไซต์ บนหน้าผลการค้นหาแต่ว่าส่งผลด้านบวกในเรื่องของ Backlink อยู่
-การมีคีย์เวิร์ดปรากฏอยู่ในโดเมน ทำให้ Google มองเห็นถึงความเกี่ยวข้องว่าเว็บไซต์ ทำอะไรแบบไหนบ้าง
-ระยะเวลาในการจดทะเบียนโดเมน สามารถใช้เป็นปัจจัยในการประเมินความถูกต้องตามกฏของ Google ได้
-การใส่คีย์เวิร์ดไว้ใน Subdomain ช่วยในเรื่องของการจัดอันดับได้จริง
-ประวัติของโดเมนถ้าเป็นโดเมนที่เคยมีคนใช้มาก่อน และเคยมีปัญหากับ Google จะส่งผลในเรื่องสแปมและลิงค์ไม่ดี ประมาณว่าต่อให้ทำดีแค่ไหน ดันหน้าไหน ก็จะถูก Google มองในแง่ลบ
-การใช้คีเวิร์ดหรือชื่อแบรนด์โดยตรงมาตั้งชื่อโดเมน ไม่มีผลกับการค้นหา
ปัจจัยด้านหน้าเพจ
-การใส่คีเวิร์ดใน Title Tag ไม่จำเป็นเท่าแต่ก่อน แต่ยังคงส่งผลดีต่อการทำ On-Page SEO
-การวางคีย์เวิร์ดไว้เป็นคำแรกของ Title Tag จะมีโอกาสดีกว่าเอาไว้ข้างหลังหรือส่วนทบ
-การใส่คีย์เวิร์ดใน Description Tag ไม่มีผลต่อการจัดอันดับ แต่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจเนื้อหาภายใน ส่งผลต่ออัตราการคลิก
-การใส่คีย์เวิร์ดไว้ใน H1 หรือ Second Title Tag ช่วยให้ Google ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหน้าเพจกับคีย์เวิร์ดที่ใช้
-TF-IDE เป็นเทคนิกการคัดแยกคำ ตามความสำคัญ ใช้ในการค้นหาว่า มีคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ปรากฏอยู่ในบทความมากน้อยแค่ไหนทำให้ Google เห็นความสัมพันธ์ของเพจและคีย์เวิร์ด
-ความยาวของคอนเทนต์ มีผลการศึกษาออกมาว่า ผลการค้นหาในหน้าแรกของ Google จะเป็นบทความที่มีความยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 1400 คำ
-การทำสารบัญช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาในเว็บไซต์ การทำ LSI (Latent Semantic Indexing Keywords in Content) การทำ LSI ด้วยคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลัก จะแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของเนื้อหา เช่น คอนเทนต์วิ่ง LSI อาจจะเป็น รองเท้าวิ่ง ความเร็ว ระยะทาง ฯลฯ
-การมี LSI คีย์เวิร์ด ในชื่อหรือคำอธิบาย จะช่วยให้ Google มองเห็นความหมายของคำ ที่มีหลายความหมายช่วยให้อันดับดีขึ้น
-ความเร็วในการโหลดหน้าเพจ ทั้ง Google และ Bing ใช้เรื่องความเร็วเป็นปัจจัยสำคัญ โดยจะเป็นข้อมูลจริงของผู้ใช้งานผ่าน Google Chrome เพื่อประเมินความเร็วในการโหลดด้วย
-การทำเนื้อหาซ้ำหรือ การแก้ไขเนื้อหาเล็กน้อย ส่งผลเสียมากและอาจกระทบต่อการมองเห็นและการค้นหา อาจจะถูกปิดกั้น
-Rel = Canonical เป็นวิธีการบอก Search Engine ให้รู้ว่า URL ที่อยู่ภายใต้ชื่อแท็กนี้ คือหน้าหลักของเว็บไซต์ ช่วยป้องการการถูกแบนจาก Google ในเรื่องของการที่มีเนื้อหาซ้ำซ้อน
-การปรับปรุงคุณภาพของรูปภาพบนเว็บไซต์ด้วยการตั้งชื่อไฟล์, Alt Text, Title, Description และ Caption
-ทำเนื้อหาที่อัพเดท สดใหม่และทันสมัย อยู่เสมอ
-Google Caffeine ให้ความสำคัญกับ Time-Sensitive ให้แสดงวันที่ ที่หน้าเพจด้วย
-ประวัติการอัพเดทหน้าเพจ ยิ่งอัพเดทเนื้อหามากเท่าไหร่ ยิ่งสดใหม่สำหรับ Google มากขึ้นเท่านั้น
-การให้ความสำคัญกับคีย์เวิร์ด การวางคีย์เวิร์ดไว้ใน 100 คำแรก จะทำให้ Google รู้ทันที ว่าเนื้อหาพูดถึงอะไร
-การทำ ลิงค์ออก (External Link) ออกไปหาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ
-การสะกดคำหรือใช้คำที่ถูกต้อง ส่งผลเรื่องคุณภาพเนื้อหา
-Google จะให้คะแนนเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ Mobile Friendly
-การซ่อนเนื้อหาบนมือถือ จะไม่ได้รับการประเมินจาก Google
-การมีเนื้อหาประเภทเสริม หรือเครื่องมือช่วยเหลือต่าง ๆ จะทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพ ส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO
-การมีรูปภาพ สื่อ วิดีโอ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เป็นสิ่งที่ Google ชอบและมองว่าเว็บไซต์มีคุณภาพ
-จำนวน ลิงค์ใน (Internal Link) เป็นการบ่งบอกถึงระดับความสำคัญ ซึ่งหน้าไหน ถูกชี้มามากกว่าก็สำคัญมากกว่า
-จำนวนลิงค์เสียในเว็บเยอะ จะถูกมองว่าเว็บไซต์ไม่ได้รับการดูและ จะทำให้อันดับต่ำลง
-เว็บไซต์ที่มี Domain Authority หรือมีความน่าเชื่อถือ มากว่า ก็จะมีอันดับที่สูงกว่าเสมอ
-URL ที่ยาวเกินไปอาจจะทำให้ Search Engine หาไม่เจอ
-หมวดหมู่ของเพจ จะได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าหน้าที่ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ใด หรืออยู่ผิดหมวด
-URL String Google จะสามารถอ่านหมวดหมู่ย่อยที่แสดงใน URL String ว่ามีอะไรบ้างและมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
-หัวข้อและลำดับตัวเลข ช่วยให้ผู้ใช้งานอ่านเนื้อหา ได้เข้าใจง่ายมากขึ้น
-เนื้อหาต้องประโยชน์และมีคุณภาพ ควบคู่กัน
ปัจจัยด้านเว็บไซต์
-เนื้อหาบนเว็บไซต์ต้องมีคุณค่า มีเอกลักษณ์และไม่ซ้ำใคร
-ต้องมีการสร้าง หน้าติดต่อเรา มีข้อมูลการติดต่อที่ชัดเจน
-Site Architecture ช่วยให้ Google สามารถจัดระเบียบเนื้อหาได้ง่าย
-Site Uptime การที่เว็บไซต์ของเราอยู่ในโหมด Site Maintenance หรือ Server มีปัญหา จะส่งผลเสียมากและอาจจะทำให้ยกเลิกการจัดอันดับไปเลย
-SSL Certificate การใช้ HTTPS ก็ส่งผลต่อการจัดอันดับที่ดีกว่า เพราะมีความน่าเชื่อถือ
-เมนูที่ใช้นำทางในเว็บไซต์ถือเป็นเครื่องมือที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และยังทำให้ Search Engine เข้าใจเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
-ความง่ายในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ เพราะถ้าหากเว็บไซต์ เข้าใจยาก ใช้งานยาก ก็จะลด Time on Site และเพิ่มอัตราการตีกลับทำให้อันดับเว็บไซต์ลดลง
-Core Web Vitals เป็นมาตรฐานของประสิทธิภาพเว็บไซต์ เป็นการให้คะแนน UX ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับโดยตรง
ปัจจัยด้าน Backlink
-อายุโดเมนของ Backlink ที่ส่งกลับมา อายุมาก จะมีพลังมากกว่าเว็บไซต์ที่เป็นโดเมนใหม่ ๆ
-จำนวนของโดเมนที่ทำ Backlink กลับมา ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ยิ่งถือว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพมากเท่านั้น
-Backlink Anchor Text ส่งผลดีกับการจัดอันดับมากว่า เว็บไซต์ที่มีน้อย หรือไม่มีเลย
-Authority ของโดเมนที่ลิงค์มา มีส่วนสำคัญในการเพิ่มคุณค่าของเพจ
-ความหลากหลายของประเภทลิงค์ ที่ Backlink มาจากเว็บเดียวกันมากเกินไปหรือไม่ธรรมชาติ จะถูกมองว่าเป็นสแปม
-ลิงค์ในเนื้อหา มักจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นลิงค์ที่ดีและมีคุณภาพมากกว่าลิงค์ที่อยู่ในหน้าว่าง ๆ
-ลิงค์ที่มาจาก 301 Redirect จะทำให้คุค่าเพจน้อยลง
สรุป
ระบบการจัดอันดับหลักของ Google จะจัดอันดับให้เว็บไซต์มีที่ประสบการณ์หน้าเว็บไซต์ที่ดี มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่ให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก อนาคตของ SEO หลีกเลี่ยงการสร้างเนื้อหาที่นึกถึงแค่ Search Engine เป็นหลัก แต่ก็มีหลายปัจจัยต้องพัฒนาและปรับปรุงอยู่เสมอ
“---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—
ข้อมูลจาก: นักเขียนนิรนาม”
วันที่ : 17/06/2024 13:36