.jpg?v=1001)
.jpg?v=1001)
.jpg?v=1001)
.jpg?v=1001)
14 ประเภทเว็บไซต์ยอดนิยม 2023
แน่นอนว่าในโลกสมัยใหม่นี้ วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแบ่งปันข้อมูลในโลกสมัยใหม่คือ สื่อออนไลน์ ดังนั้นมีเว็บไซต์หลายประเภทที่สามารถช่วยให้เราได้…
แบ่งปันข้อมูล
ช่วยให้เราเรียนรู้
การซื้อบริการและผลิตภัณฑ์
เข้าถึงผู้ชม
สร้างชุมชน
พัฒนาทักษะ
รับความบันเทิง
และอื่นๆ อีกมากมาย
ดังนั้นเว็บไซต์จึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ที่มีค่า ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถแบ่งปันข้อมูลสำคัญ สร้างชุมชน เข้าถึงผู้ชมของเรา และกรณีการใช้งานอื่นๆ ทั้งหมดที่เราได้แบ่งปันไปข้างต้น
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ไม่ว่าเราจะเป็นผู้สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว หรือต้องการขยายธุรกิจและเข้าถึงตลาดใหม่ๆ นั่นเอง
มาดู 14 เว็บไซต์ยอดนิยม 2023 กันเลยครับ
1. Blogs (บล็อก)
Blogs (บล็อก) คือ เว็บไซต์ที่แสดงเนื้อหา (Content) ที่เป็นลายลักษณ์อักษรในหัวข้อต่างๆ เพื่อให้ผู้คนได้อ่านและแสดงความคิดเห็น ซึ่งโพสต์บล็อกเหล่านี้อาจเป็น Content สั้นๆ แบบอ่านเร็วหรือ Content ยาวที่มีข้อมูลวิจัย และแนวคิดจำนวนมาก มักจะแสดงด้วยองค์ประกอบภาพ เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และแม้แต่วิดีโอ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และความบันเทิงแก่ผู้อ่าน เป็นต้น
2. Business Websites (เว็บไซต์ธุรกิจ)
Business Websites (เว็บไซต์ธุรกิจ) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เว็บไซต์องค์กร" ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อแสดงธุรกิจ และอนุญาตให้ผู้คนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและโต้ตอบกับธุรกิจ โดยจะมีแบรนด์ที่สอดคล้องกับบริษัท (โดยใช้โลโก้ รูปภาพ สี แบบอักษร ฯลฯ) และประกอบด้วยหน้าต่างๆ ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ธุรกิจนำเสนอ เป็นต้น หมายเหตุ: ทุกธุรกิจควรมีเว็บไซต์ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสที่จะถูกค้นพบ และนำผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าไปยังสิ่งที่พวกเขานำเสนอ
3. Portfolio Website (เว็บไซต์ผลงาน)
Portfolio Website (เว็บไซต์ผลงาน) จัดทำขึ้นเพื่อแสดงผลงานของบุคคลและองค์กร ตัวอย่างเช่น นักเขียนที่มีเว็บไซต์ผลงานที่สามารถเชื่อมโยงไปยังบทความและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่พวกเขานั้นเขียนให้ เช่นเดียวกับ Portfolio ทางกายภาพที่ใช้เป็นเครื่องมือในการรับลูกค้ามากขึ้น นี่คือจุดประสงค์ของ Portfolio Website ออนไลน์นั่นเอง
4. NGO/Non-Profit Website (เว็บไซต์ NGO/ไม่แสวงหาผลกำไร)
เว็บไซต์เหล่านี้จะออกไปในทิศทางที่แสดงให้เห็นถึงความชอบธรรม และช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการบริจาคเพื่อการกุศลได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถเป็นพื้นที่เพื่อให้ผู้คนได้รับข่าวสารล่าสุดและเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่องค์กรให้บริการ ซึ่งสามารถทำได้ผ่านพอร์ทัลบล็อกหรือจดหมายข่าวถึงผู้ที่ส่งรายละเอียดการติดต่อเพื่อติดต่อกับสาเหตุ เป็นต้น
5. Community Forums (ฟอรัมชุมชน)
เว็บไซต์ Forums (ฟอรัม) มีหลายรูปแบบและขนาด ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการโต้ตอบทางสังคมและการแบ่งปันข้อมูล โดยเว็บไซต์เหล่านี้ไม่เกี่ยวกับผู้สร้างไซต์ที่แบ่งปันมุมมองเฉพาะ แต่เกี่ยวกับการสร้าง Portal เพื่ออำนวยความสะดวกในการอภิปรายระหว่างสาธารณะ
6. Web Portals (พอร์ทัลเว็บ)
Web Portals (พอร์ทัลเว็บ) คือ เว็บไซต์ประเภทที่ไม่เหมือนใครเนื่องจากไม่ได้มีไว้สำหรับการบริโภคในที่สาธารณะ ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ภายใน โดยมักถูกสร้างขึ้นจากองค์กรหรือบริษัท เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับกลุ่มคนที่เลือกเข้าถึง เป็นต้น
7. Landing Pages (แลนดิ้งเพจ)
หน้าแลนดิ้งเพจเป็นหนึ่งในประเภทเว็บไซต์ที่ง่ายที่สุดที่เราสามารถสร้างได้ โดยแลนดิ้งเพจเป็นเว็บไซต์ประเภทของตัวเอง เป็น Content หน้าเดียวที่ไม่มีลิงก์ไปยังหน้าเพิ่มเติม เหมือนกับที่เว็บไซต์ทั่วไปจะมีในแถบเมนู โดยวัตถุประสงค์ของหน้าแลนดิ้งเพจจะเฉพาะเจาะจง เป็นต้น
8. Directory Websites (เว็บไซต์ไดเรกทอรี)
Directory Websites (เว็บไซต์ไดเรกทอรี) ไซต์ไดเร็กทอรีเว็บช่วยนำทางผู้คนไปยังทรัพยากร บริษัท ผลิตภัณฑ์ บุคคล และข้อมูลอื่นๆ ประกอบด้วยรายการของไดเร็กทอรีเฉพาะ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลการติดต่อที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา ตัวอย่างเช่น ไดเรกทอรีร้านอาหารในท้องถิ่นที่มีรีวิว, ข้อมูลติดต่อ, ข้อมูลราคา, รูปภาพ, เมนู และอื่นๆ เกี่ยวกับสถานประกอบการแต่ละแห่ง เป็นต้น
9. Crowdfunding Websites (เว็บไซต์ระดมทุน)
เว็บไซต์ระดมทุนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนที่มีแคมเปญเพื่อระดมทุนจากการบริจาคสาธารณะ โดยเว็บไซต์ระรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมหรือวัตถุประสงค์ที่เงินทุนสนับสนุน ที่จัดแคมเปญและวิธีการบริจาค
10. E-Commerce Websites (เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ)
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเป็นที่ที่ผู้ใช้ทำการซื้อผลิตภัณฑ์ออนไลน์ ธุรกิจที่ต้องการขายสินค้าในตลาดออนไลน์จะต้องสร้างหรือใช้ไซต์อีคอมเมิร์ซ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ e-commerce เว็บไซต์จองโรงแรม ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ถึงขนาดมีคนและบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ให้บริการ รับทำเว็บไซต์ ขายของ รับทำเว็บไซต์ e-commerce รับทำเว็บไซต์โรงแรม เป็นต้น
11. Educational Websites (เว็บไซต์เพื่อการศึกษา)
สำหรับเว็บไซต์การศึกษามีหลายประเภท ตั้งแต่แพลตฟอร์มการโฮสต์หลักสูตรออนไลน์ ไปจนถึงเว็บระดับมืออาชีพที่จัดขึ้นโดยองค์กรเอกชน เพื่อให้ความรู้ในหัวข้อเฉพาะ โดยเว็บไซต์การศึกษาบางแห่งมีรูปแบบสมาชิกที่ผู้ใช้ชำระค่าสมัคร เพื่อเข้าถึงหลักสูตรออนไลน์ อื่นๆ ซึ่งเป็นตลาดของหลักสูตรสำหรับผู้คนที่จะเลือกและซื้อ
12. Entertainment Website (เว็บไซต์บันเทิง)
สำหรับไซต์ความบันเทิงเต็มไปด้วย Content ที่มีการอัปเดตอยู่เป็นประจำเพื่อให้ผู้คนได้เสพ (อ่าน) และบริโภคเพื่อสร้างความบันเทิงให้ตนเอง โดยบางไซต์มีพื้นฐานมาจากการทำให้ผู้คนหัวเราะ แบ่งปันข่าวแปลกๆ หรือเสนอพื้นที่ให้ผู้คนโต้ตอบในความคิดเห็น และพอร์ทัลการสนทนา อย่างไรก็ตาม ไซต์ความบันเทิงส่วนใหญ่สร้างผลกำไรจากโฆษณาที่โพสต์บนไซต์
13. Social Media Websites (เว็บไซต์สื่อสังคม)
เว็บไซต์ออนไลน์เชิงโต้ตอบที่เป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, Facebook, LinkedIn และ Twitter โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือนมกราคม 2565 มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากกว่า 4.62 พันล้านคนทั่วโลก นั่นคือเกือบ 60% ของประชากรทั้งโลก
14. Magazine Websites (เว็บไซต์นิตยสาร)
ไม่อาจที่จะปฏิเสธไปได้เลยว่า เว็บไซต์นิตยสารได้แซงหน้านิตยสารสิ่งพิมพ์ในอดีตอย่างรวดเร็ว โดยข่าวดิจิทัลและการบริโภคตามความสนใจพิเศษก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งประเภทเว็บไซต์นิตยสารเหมาะสำหรับแบรนด์และธุรกิจที่ให้ข้อมูล และงานอดิเรกตลอดจนองค์กรและสื่อสิ่งพิมพ์ระดับอุดมศึกษา เป็นต้น
“หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ”
---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—
ข้อมูลจาก: wynnsoftsolution.com uxhacks.com
วันที่ : 12/12/2023 14:00